website-and-webblog-ability

เว็บไซต์กับเว็บบล็อก แตกต่างกันอย่างไร

website-and-webblog-ability

การทำเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรทั่วไป เอกชน หรือ รัฐบาลต่างก็มีเว็บไซต์ด้วยกันทั้งนั้นเพื่อเอาไว้ประชาสัมพันธ์ ขายของ ทำกิจกรรมเกี่ยวองค์กรของตัวเอง แต่เว็บไซต์เองก็มีความหลากหลายต่างกันไปตามเป้าหมายของผู้สร้างด้วย อีกหนึ่งคำทำเอาใครหลายคนสับสนมาก คือ เว็บไซต์ กับ เว็บบล็อกมันแตกต่างกันตรงไหน

องค์กร กับ บุคคุล

ความแตกต่างแรกแบบเห็นได้ชัดเจนของเว็บไซต์ กับ เว็บบล็อก นั่นคือเว็บไซต์จะเป็นการทำในลักษณะขององค์กรขนาดใหญ่กว่าไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาคธุรกิจ องค์กรของรัฐเป็นต้น ส่วนเว็บบล็อกนั้นส่วนมากจะเป็นการทำในลักษณะของคนคนเดียวมากกว่าเป็นกลุ่มก้อน เช่น การทำเว็บบล็อกบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง การท่องเที่ยวเป็นต้น แม้ว่าการทำเว็บไซต์แบบเป็นของคนเดียวก็มี แต่จะเป็นลักษณะองค์กรมากกว่า

ทางการ กับ ส่วนตัว

การทำเว็บไซต์นั้น มักจะมีความน่าเชื่อถือเรื่องของข้อมูลมากกว่า การทำเว็บไซต์จะเป็นไปในรูปแบบของทางการขององค์กรนั้นไม่ว่าจะเป็นการประกาศ การประชาสัมพันธ์ การนำเสนอสินค้า จะทำได้น่าเชื่อถือมากกว่า ส่วนเว็บบล็อคเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัว ไม่เป็นทางการสักเท่าไร เช่น การเขียนไดอารี่ การบอกเล่าเรื่องราวตัวเอง การแนะนำทริคเล็กในการทำอาหารเป็นต้น

การปรับแต่งเว็บไซต์

การทำเว็บไซต์ การทำเว็บบล็อกเดี๋ยวนี้ไม่ยากเท่าไรนัก เนื่องจากมีอุปกรณ์ช่วยเยอะแยะมากมาย ทั้งเว็บสำเร็จรูป การจ้างทำ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ทั้งสองอย่างแตกต่างกันเรื่องการปรับแต่ง เว็บไซต์จะมีการปรับแต่งได้หลากหลายกว่า ละเอียดกว่า มีเครื่องมือใช้ในการทำได้มากกว่า แม้จะเป็นเว็บไซต์ฟรีก็ตาม กลับกันเว็บบล็อกด้วยความเป็นของฟรีจึงทำให้การปรับแต่งบางอย่างมีข้อจำกัดเนื่องจากต้องรักษาพื้นที่โฆษณาให้กับต้นทางของการให้บริการเว็บบล็อคด้วย แม้จะมีเครื่องมือเยอะขึ้นถ้าไปเทียบกับการแต่งเว็บไซต์ ยังน้อยกว่ามากนัก

ค่าบำรุงดูแลรักษา

การทำเว็บไซต์ฟรีก็ต้องบอกว่ามี ซึ่งหากจะทำเว็บไซต์กันแบบจริงจังการใช้ของฟรีน่าจะเป็นพื้นที่ทดลองมากกว่า การทำเว็บควรจะต้องลงทุนกับเซิฟเวอร์ไปเลยจะได้ดีกว่าในระยะยาว การทำเว็บไซต์หนึ่งนั้นจะมีค่าบำรุงรายปี ค่าดูแลรักษา ค่าแอดมินเพื่ออัพเดตเว็บไซต์อีก อาจจะดูว่ามีค่าใช้จ่ายหลายรายการเอาเค้าจริงปีหนึ่งก็ไม่กี่พันบาท ซึ่งแตกต่างจากเว็บบล็อกไม่มีค่าใช้จ่ายตรงนี้เลย ซึ่งมันก็แลกมากับความไม่มั่นคงของเว็บบล็อกเราอาจจะถูกปิดได้โดยที่เราไม่รู้เรื่องเช่นกัน

ความแตกต่างทั้งสองอย่างนี้ เราเองในฐานะคนจะทำเว็บไซต์ต้องดูก่อนว่าเป้าหมายของเราคืออะไร หากเพียงแค่ต้องการพื้นที่ระบาย บอกเล่าเรื่องราวตัวเอง ไปเว็บบล็อกก่อน แต่หากจะทำร้านค้าออนไลน์ขายของ ประชาสัมพันธ์ร้านค้า องค์กรตัวเองการทำเว็บไซต์ถือว่าตอบโจทย์ได้มากกว่า

home-page-design2

Themes มีความสำคัญอย่างไรกับการออกแบบเว็บไซต์

Themes เปรียบได้ดังหน้าตาของเว็บไซต์ ถ้าพูดถึงการทำเว็บในยุคแรก ก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก เนื่องจากเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการออกแบบเว็บไซต์มีน้อยมาก เพราะเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว มีความยุ่งยากสุดๆ แต่ในปัจจุบันนี้ รูปแบบของ Theme ได้มีการพัฒนาไปมาก นอกจากความสวยงามของเว็บไซต์แล้ว ยังได้มีการสอดแทรกฟังก์ชั่นในการทำงานด้านต่างๆ เพิ่มเข้าไปด้วย

ประเภทของ Themes แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบฟรีและแบบเสียเงิน เว็บไซต์ที่มีใช้ Themes สวยงาม จะแสดงออกถึงความชำนาญของเจ้าของเว็บซึ่งมีทักษะสูง ทำให้ดูมีความน่าเชื่อถือ ส่วนเว็บที่ใช้ Themes แบบดั้งเดิม ซึ่งระบบให้มา มักสร้างเว็บออกมาได้ไม่ค่อยเป็นเอกลักษณ์ ไม่อาจดึงดูดให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลับเข้ามาอีก ซึ่งคุณเห็นได้ว่า Themes เป็นส่วนโครงสร้างที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเว็บไซต์ นั้นได้เลย

เลือก Themes ให้เหมาะกับเว็บไซต์

ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำเว็บเกี่ยวกับอะไร เพื่อจะได้เลือก Themes ให้เข้ากันกับเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยการเลือก Themes ต้องเลือกตามหมวดหมู่ เช่น ถ้าคุณทำเว็บเฉพาะด้านอย่าง เช่น e – Commerce , นิตยสาร , ข่าว , การท่องเที่ยว ก็จะเหมาะกว่าถ้าเลือก Themes เฉพาะด้านนั้นไปเลย Themes เฉพาะด้านเหล่านี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้มากขึ้น แถมยังสวยงามอีกด้วย

ใช้เวลาศึกษา Themes ให้ดี

ให้เวลากับการศึกษาปรับแต่ง Themes นั้นๆ คือ ต้องรู้ว่าต้องจัดวางอะไรตรงไหนได้ยังไงบ้าง เพราะเกือบทุก Themes จะต้องมี Document คือ คู่มือที่จะทำให้เรารู้ว่าควรปรับแต่งอะไรบ้าง และ ถ้าเรามีความเชี่ยวชาญมากพอก็สามารถทำเว็บออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ เป็นตัวสร้างเงินและอาชีพให้แก่คุณได้มากมายอีกด้วย

ดู Demo ของ Themes ก่อนตัดสินใจเลือกใช้

Directory-Themes-of-Best

เป็นการดูตัวอย่างขณะออนไลน์จริงๆ นั่นเอง เนื่องจากบาง Themes จะมีตัวอย่างหลากหลายแบบเพื่อให้เราได้มองภาพออกว่ามันสามารถปรับแต่งได้ยังไงบ้าง รวมทั้ง มีฟังชั่นพิเศษอะไร จุดเด่น จุดด้อยของ Themes นั้นๆ และสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตอย่างไร

มีระบบลิงค์ภายในที่ดี

การมีระบบลิงค์ภายในของเว็บที่ดีจะทำให้ Search Engine Robots สามารถเก็บข้อมูลไปแสดงผลได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น นอกจากหน้า Post ของบทความซึ่งสามารถนำไปอันดับบนผลการค้นหาได้แล้วนั้น ในส่วนของหน้า Category และ หน้า Tag ก็นำไปติดอันดับได้เช่นเดียวกัน โดยระบบลิงค์ภายในของเว็บที่ยอดเยี่ยม จะช่วยให้การทำอันดับได้ดีขึ้นมาก

Theme จะต้องรองรับการแสดงผลต่ออุปกรณ์บนมือถือ

ควรตรวจสอบว่า Theme ที่เลือกใช้เป็น Mobile Friendly หรือไม่ รวมทั้งรองรับ Responsive view จากอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ ได้ไหม เพราะอย่าลืมว่าสมัยนี้คนใช้โทรศัพท์ในการเข้าเว็บมากกว่าคอมพิวเตอร์ ถ้า Theme ของคุณไม่รองรับการแสดงบนมือถือ ก็จะส่งผลให้คนเข้าเว็บไซต์ของคุณน้อยลงนั่นเอง